เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o มิ.ย. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ เป็นธรรมะ เราเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนานะ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์ๆ

 

เวลาคนไปวัดไปวาก็เพื่อต้องการบุญกุศลๆ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องวัดก็ต้องศึกษาเรื่องวัด ดูสิ เรามีลูกมีหลาน เราพามาวัดเพื่อให้การคุ้นชิน ไม่เขินไม่อายกับพระ เวลาเจอพระเจอเจ้าเราไม่เขินไม่อาย เราทำได้ๆ ไง

 

แต่เวลาคนที่เขาไปวัดไปวาขึ้นมา อย่างเช่นเด็กวัดๆ มีคนมากมาพูดกับเรานะว่าเขาโตมากับวัดๆ เขาไม่กลัวพระหรอก เขาโตมากับวัด พอเขาโตมากับวัด เห็นไหม เขาให้ศึกษามาเป็นปัญญาของตน เขาให้ศึกษาขึ้นมา ให้ค้นคว้าเพื่อทำคุณงามความดี เพื่อให้เราเข้าสู่สัจจะความจริง ไม่ใช่ให้ศึกษามาเพื่อความหน้าด้าน หน้าด้านหน้าทนไง เพราะอะไร เพราะเวลาเราศึกษามา เราเข้าไปศึกษามา เราคุ้นชินกับพระ เราไม่กลัวพระๆ ไม่กลัวพระ มันจะไปกลัวอะไร คนคุ้นเคยกัน มันกลัวอะไร มันไม่กลัวหรอก แต่มันต้องกลัวบาปสิ

 

ถ้าเป็นพระ เป็นพระนะ ในทางวัฒนธรรม เวลาพระเขาทำผิดทำชั่ว ก็เรื่องของชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องของเราๆ ไอ้นั่นเวลาความผิดความชั่วยกให้พระไป มันเรื่องของพระของเจ้า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ไม่เกี่ยวกับเราๆ นี่เวลาความชั่วไง

 

แล้วความดีของท่านล่ะ แล้วท่านมีศีล ๒๒๗ ล่ะ ท่านไม่เหมือนเรา เราไม่เหมือนท่าน บริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มันไม่เกี่ยวกัน ภิกษุณีกับภิกษุก็เป็นภิกษุณีกับภิกษุ เราจะไปปฏิเสธไม่ได้ เว้นไว้แต่เราจะบวชเข้ามา บวชเข้ามามีศีล ๒๒๗ เท่ากัน เวลาลงอุโบสถ ลงอุโบสถสามัคคีเหมือนกัน แต่คุณธรรมมีเหมือนกันหรือไม่

 

เวลากรรมฐานเรา กรรมฐานเราที่เขาเคารพบูชา เขาเคารพบูชาด้วยคุณธรรมในหัวใจนั้น เขาไม่ได้เคารพบูชาว่าบวชเป็นพระๆ มาหรอก เห็นไหม เวลานางวิสาขาไม่ได้บวชเป็นพระ เป็นพระโสดาบันขึ้นมา ถ้าเป็นพระโสดาบันขึ้นมา

 

เราศึกษามา ศึกษามาเพื่อลดละกิเลส ไม่ใช่ศึกษามาเพื่อหน้าด้าน เวลาศึกษามาๆ ชาล้นถ้วยๆ นะ มีความรู้เยอะ พระยังมีความรู้ไม่เท่าเราเลย

 

เวลามามันเป็นเรื่องการศึกษานะ เราไปประชุมสังฆาธิการ ถวายความรู้ๆ ไอ้พวกมีการศึกษามันถวายความรู้พระ ไอ้พระเพิ่งบวชมา มันก็เหมือนโยม โยมเกิดมาพ่อแม่ก็ต้องดูแลรักษาเหมือนกัน ไอ้นี่พระบวชมาตั้งแต่สามเณร ตั้งแต่บวชพระขึ้นมา พอบวชขึ้นมาต้องมีการศึกษามีการเล่าเรียนขึ้นมา แต่ท่านมีศีลมีธรรมของท่านนะ

 

นี่ไง ถ้าคนที่มีคุณธรรม อย่างไรเขาก็เคารพบูชาของเขา เขาไม่ก้าวล่วง เขาไม่ตีเสมอ เขาไม่ตีเสมอ หนึ่ง เขาไม่อวดว่ามีความรู้ เขาไม่มีการเหยียดหยาม นี่ไง ถ้ามันเป็นจริงมันต้องเป็นจริงอย่างนั้น

 

เรามาวัดมาวา มาวัดมาเพื่อเอาบุญนะ ไม่ใช่เอาบาป ดูสิ ทางวัฒนธรรม เวลาไปวัดไปวา กลับบ้านมีเศษดินเศษหินติดรองเท้าไป ถึงเวลาแล้วเขายังขนทรายเข้าวัด ทำเจดีย์ทรายๆ นี่ไง วัฒนธรรมของเขา เขายังแก้ของเขา

 

ไอ้นี่มาวัดมาวา มาวัดมาวาเพื่ออะไร ถ้าชาล้นถ้วย มีความรู้มาก มีการศึกษามาก มีความคุ้นชินมาก โอ๋ย! พระองค์นี้เราดูแลมาตลอด พระองค์นี้เป็นลูกศิษย์ของเรา พระองค์นี้เราควบคุมได้ พระองค์นี้เราสั่งได้...เอาอย่างนั้นหรือ

 

นี่ไง เพราะอะไร ไอ้นี่มันกิเลสทั้งนั้น ไปวัดไปวาก็อยากจะเหนือคน เหนือคนนั่นแหละกิเลสมันท่วมหัว เวลาพูดถึงความถูกต้องนะ กระมิดกระเมี้ยนนะ กระมิดกระเมี้ยน แต่ก็ยังอยากจะทำ แต่ถ้าเป็นความจริงนะ เขาไม่ทำเลย

 

นี่แค่มารยาทนะ มาวัด เรื่องโทรศัพท์มือถือนี่ปวดหัว ทุกคน ลูกศิษย์ก็บอกว่าให้ติดป้ายเลย ให้ปิดโทรศัพท์ก่อน ให้ติดป้ายหน้าวัดเลย

 

เราบอกว่าเราทำไม่ได้หรอก สังคมเสื่อม นี่เหมือนกัน ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนมาขนาดไหน แค่มารยาทมึงยังไม่รู้จักเลย แล้วมึงอยากจะภาวนา อู๋ย! อยากมีคุณธรรม แค่มารยาทสังคมเอ็งยังไม่รู้เลย การกระทบกระเทือนคนข้างเคียงมันดีหรือไม่ดี การกระทำนี้ ไอ้นี่มันแค่มารยาท

 

เวลาพระบวชมามีศีลมีธรรม เวลามีศีลมีธรรม เวลาพระกรรมฐานเรา ไอ้อย่างที่ว่าอาวุโสภันเต เขาลด ลดทิฏฐิมานะของคน ลดทิฏฐิมานะของพระ เวลาอาวุโสภันเตเขาต้องเคารพกันนะ เอ็งจะไม่เคารพบุคคลนั้น เอ็งก็ต้องเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติวินัยนี้ไว้ อาวุโสภันเต ให้น้องเคารพพี่ เชื่อฟังพี่ พี่บวชมาก่อน สงฆ์องค์แรกของโลกคือพระอัญญาโกณฑัญญะ ให้เคารพให้บูชากัน ลดอีโก้ของตน ลดการตีตนเสมอกับเขา ลดการเหยียดหยาม

 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรม กษัตริย์จากเมืองมา ที่ว่า พระอุบาลีเป็นกัลบก เป็นคนตัดผมตัดอะไรให้กับเจ้าชาย เวลาบวชนะ ให้กัลบกบวชก่อน ให้เจ้าชายกราบซะ นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นโยบายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านลดอีโก้ ลดความอหังการของคน

 

ไอ้นี่มาวัดมาวา มีการศึกษามาก มีคนมาโม้เยอะ “ผมไม่กลัวพระ เพราะว่าผมคุ้นเคย ผมโตมากับวัด” ไอ้นั่นก็เรื่องของเอ็ง ความจริงเอ็งไม่กลัวพระ เอ็งก็อาศัยวัด

 

มีหลายๆ คนนะ พลเอกต่างๆ ตอนเป็นนักเรียนไปอาศัยวัดอยู่ เวลาเขาโตขึ้นมาเป็นพลเอก โตขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี เขาคิดถึงวัดนะ อย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็คิดว่าเคยมีบุญคุณกับเขา ตอนที่เขาเป็นเด็ก เขามาจากบ้านนอกมาศึกษาในกรุงเทพ เขาก็อาศัยวัดเป็นที่พึ่งอาศัย เวลาโตขึ้นมา ทำหน้าที่การงานขึ้นมาแล้ว ถ้าเขามีสิ่งใดช่วยเหลือได้เขาก็จะช่วยเหลือของเขา นี่เขายังคิดถึงบุญถึงคุณของเขาได้ ไอ้นี่เรื่องของวัฒนธรรมนะ เรื่องของบุญและบาปนะ

 

แต่ถ้าเรื่องเป็นความจริงๆ เราจะเอาคุณธรรม แล้วเอาคุณธรรมๆ อาวุโสภันเต อาวุโสภันเตส่วนอาวุโสภันเตนะ หลวงตาท่านพูดประจำ ถ้าอาวุโส ๑๐๐ พรรษาแต่โง่ ไม่มีปัญญา ก็ต้องขอนิสัยตลอดไป เวลาพ้นนิสัย พ้นนิสัยก็ ๕ พรรษาขึ้นต้องเป็นผู้ฉลาด ผู้ฉลาดคือท่องปาฏิโมกข์ได้ ท่องปาฏิโมกข์ได้คือมันรู้ธรรมวินัย มันเอาตัวรอดได้ มันไม่ทำความผิดพลาด

 

ถ้าคนรู้ผิดรู้ถูก ถ้ามันมีความละอายนะ ถ้าคนรู้ผิดรู้ถูกมันไม่มีความละอาย มันก็เหมือนนักกฎหมาย เอากฎหมายไปหากิน ไปตบทรัพย์ เวลาศีลธรรมมันเป็นแบบนั้นไง แล้วเวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เธอควรทำบุญที่ไหน ควรทำบุญที่เธอพอใจ

 

ถ้าวัดไหนเขาโฆษณาชวนเชื่อมากมายมหาศาลเข้าไปวัดนั้น แล้วไปแล้วครื้นเครง สนุกครึกครื้นก็ไปวัดนั้น วัดนั้นเขามีพิธีกรรมเท่านั้นน่ะ วัดนั้นเป็นวัฒนธรรมเท่านั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะมันไม่ได้ออกมาจากใจไง

 

เวลางานใหญ่ๆ ของที่วัดป่าบ้านตาด เวลาศาลาใหญ่ หลวงตาท่านพูดเอง “มันไม่นิ่ง เทศน์ไม่ได้ มันไม่นิ่ง เทศน์ไม่ได้”

 

เวลาเทศน์ขึ้นไป มันเทศน์ขึ้นไปแล้ว เวลาโครงการช่วยชาติไปที่ไหนก็แล้วแต่ เราก็ไป เราไปช่วยงานท่าน รถราวิ่งกันขวักไขว่ ท่านก็ต้องพยายามตะเบ็งไปอย่างนั้นนะ ไอ้นี่คือความจำทั้งนั้นน่ะ สัญญา เพราะอะไร เพราะว่ามันคลาดเคลื่อน เพราะใจมันไม่ได้ออกมาจากใจหรอก เวลามันออกมาจากใจนะ มันไม่มีอะไรกระทบ มันออกมาจากใจ

 

ดูฟังเทศน์สิ ถ้าอันไหนมันออกมาจากใจนะ ออกมาจากธรรม โอ้โฮ! มันฟังแล้วมันขนลุกขนพองนะ ถ้ามันออกมาจากความจำนะ เราก็อ่านได้ ดูสิ เขาเทศน์เอาบุญกัน ฟังเทศน์เอาบุญๆ ให้ฝนตกฟ้าร้อง ให้ระเบิดลงก็ไม่เป็นไร เพราะหนังสือมันไม่หายหรอก อ่านหนังสือ เราก็อ่านได้ แต่มันก็เป็นวัฒนธรรมใช่ไหม ฟังเทศน์เอาบุญๆ

 

แต่ถ้าเราไปวัดไปวา เราไปวัด เราไปประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราต้องการสัจธรรม เวลาครูบาอารจารย์ เวลาหลวงปู่มั่นท่านว่า “จิตนี้แก้ยากนะ จิตนี้แก้ยากนะ ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ”

 

จิตนี้แก้ยากนะ จิตนี้เป็นอย่างไร จิตนี้มันมีเล่ห์มีเหลี่ยม มีแง่มีงอน กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันปกมันป้องของมัน เวลาปฏิบัติไป ไปรู้ไปเห็นอะไรเข้า อู๋ย! สุดยอด

 

สุดยอดอะไร เอ็งยังทำอะไรไม่เป็นเลยนั่นน่ะ เพราะอะไร เวลาธรรมมันเกิดๆ ธรรมมันเกิดคืออารมณ์ อารมณ์ดี อารมณ์ชั่ว อารมณ์ชั่ว อารมณ์มันทุกข์มันยากขึ้นมามันบีบคั้นหัวใจ อารมณ์ดีมันเกิด โอ้โฮ! สุดยอด สุดยอด

 

ธรรมมันเกิด ธรรมมันเกิดก็เท่านั้นน่ะ มันไม่ใช่อริยสัจ มันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่การกระทำของเรา แล้วอริยสัจจะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้ามันไม่เข้าไปสู่ใจของตน

 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาหลวงตาท่านไปที่ไหนท่านบอกไปเอาใจคนๆ เอาความสำนึกของคน ถ้าคนมันสำนึกได้นะ ชาไม่ล้นถ้วย

 

ชามันพร่องอยู่นะ มันจะเติมน้ำตลอด การศึกษาของเรา โอ๋ย! ความรู้เยอะ ล้นไปหมดเลย นู่นก็ผิด นี่ก็ผิด แล้วเวลานั่นก็ผิด นี่ก็ผิด แล้วที่เอ็งทำอยู่นั่นผิดหรือถูก นั่นก็ผิดๆ แล้วที่เอ็งทำอยู่ผิดหรือถูก นี่ไง แค่มารยาท

 

หลวงตาท่านพูดประจำ หูมันอยู่ข้างปากนั่นน่ะ เวลาปากมันพูดออกไป เอ็งไม่หนวกหูบ้างหรือ แต่ถ้ากูพูดล่ะ กูพูด กูต้องให้คนฟังกู ถ้าใครฟังกูนะ อยู่ครึ่งวัน กูก็พูดได้ แต่ถ้ากูฟังนะ โอ๋ย! ไม่ไหวนะ อึดอัด กูไม่ยอมๆ แล้วหูมันอยู่กับปากมันนั่นน่ะ

 

มารยาทแค่นี้มันก็ทำไม่ได้แล้ว มันก็ไม่รู้แล้ว แล้วมันสมควรหรือไม่สมควรล่ะ ในสภาใดก็แล้วแต่ ไม่มีบัณฑิต ไม่มีนักปราชญ์ สภานั้นไม่เป็นสภา ถ้าสภาไหนนะ ถ้ามีบัณฑิต มีนักปราชญ์ที่เขาวินิจฉัย เขาประชุมกัน นั่นถึงเป็นสภา

 

นี่ก็เหมือนกัน ไปวัดไปวา เธอควรทำบุญที่เธอพอใจ ไปเถอะ ไปที่อึกทึกครึกโครม ไปไหนก็ไป เธอควรทำบุญที่ไหน ควรทำบุญที่เธอพอใจ ควรไปที่นั่น

 

แต่ถ้าจะเอาความจริงๆ ล่ะ เอาความจริงกัน ฟังธรรมๆ จิตนี้มันแก้ยากนะ เวลาจิตนี้ เวลาธรรมมันเข้ามากระแทกในหัวใจนะ ขนลุกขนพอง มันสะเทือนกิเลสไง ถ้าสะเทือนกิเลส ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันอยู่ที่นี่ ถ้าอยู่ที่นี่ เราเคารพบูชา มันถึงแบ่งไง อรัญวาสีกับคามวาสีไง

 

คามวาสี อรัญวาสี มันเป็นวิปัสสนาธุระ คันถธุระ คันถธุระคือการศึกษา การศึกษามันท่องมันบ่นไง มันก็ท่องบ่นกันได้ไง มันจะมีสิ่งใดมันก็ไม่เป็นไรไง แล้วการท่องการบ่นอยู่อย่างนั้นมันก็เพื่อให้ทรงจำๆ ไอ้การประพฤติปฏิบัติมันต้องรู้เท่าทันกิเลสของตนไง แล้วกิเลสของตนมันก็มีแง่มีงอนนะ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้นน่ะถ้ามันไม่พอใจ แล้วสิ่งที่มันไม่พอใจอยู่แล้ว เราไปเติมมันอย่างไร แล้วไปเติมมันนะ

 

เวลาคนเขาไปวัดไปวากันเขาไปด้วยความเคารพบูชาใช่ไหม เขาไปเพื่อความปรารถนาดี เขาก็ไปด้วยคุณธรรมของเขา ไปด้วยจริตนิสัยของเขา เขาไปด้วยอาการอ่อนน้อมถ่อมตน เขาไปด้วยความนอบน้อม

 

ไอ้เราไม่เคยเจอสังคมอย่างนั้นน่ะ มีแต่สังคมของคนพาล คนตะโกนโหวกเหวกกันเพื่อเอาเสียงกลบเกลื่อนกัน เอาเสียงเอาชนะกัน เคยอยู่สังคมอย่างนั้น มาเจอสังคมของนักปราชญ์ งงนะ “เฮ้ย! เขาเงียบเนาะ พวกนี้พวกขี้ขลาด โอ๋ย! เรานี่กล้าหาญ ตะโกนตะเบ็งเลย เก่ง เสียงกูดัง ทุกคนต้องฟังกู”...ไม่ใช่ ไม่ใช่

 

เขามีคุณธรรมในใจของเขา เขามีความละอาย เขาไม่ใช่คนพาลอย่างเอ็ง คนพาลอย่างเอ็งที่จะไปเหยียบย่ำเหยียดหยามเขา ความเหยียดหยามเขานะ เขาเหยียดหยามด้วยทิฏฐิมานะของเอ็ง ด้วยความเห็นผิด แต่จริงๆ เขาไม่ใช่รอให้เอ็งเหยียดหยาม เขามีคุณธรรม เขาเคารพธรรมวินัย เขาเคารพศาสดา

 

เวลาหลวงตาท่านเทศน์ไง ไม่เหยียบหัวพระพุทธเจ้าแสดงธรรมๆ สิ่งที่มันแสดงธรรมๆ มันเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ธรรมและวินัยไง เคารพธรรมหรือไม่ เคารพผู้แสดงธรรมหรือไม่ เคารพสถานที่หรือไม่ เคารพธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ รู้หรือไม่ อะไรมันต่ำ อะไรมันสูง รู้หรือไม่ สิ่งใดมันสูงมันต่ำ รู้หรือเปล่า ถ้ารู้มันก็มีความละอายไง มันไม่มีใครเหนือใครหรอก เดี๋ยวตายหมด

 

แต่คนที่มีน้ำใจ คนที่เขาระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่แสดงออกมา ที่เราศึกษามา ธรรมและวินัย ที่ศึกษามาเป็นภาคปริยัติที่ท่องจำๆ ทรงจำกันนั่นน่ะ นั่นคือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น

 

ศึกษามาแล้วท่วมหัว น้ำล้นแก้ว ชาล้นถ้วย ศึกษามา รู้มาก เพราะอะไร เพราะตัวเองก็มีอาชีพนี้เหมือนกัน ก็ศึกษาธรรม สอนหนังสือก็สอนสังคม สอนถึงมารยาท เวลาสอนเด็กๆ สอนอย่างไร แล้วเวลาพฤติกรรมของตัวเองทำอย่างไร เวลาทำอย่างนั้นขึ้นมาแล้วมันเสียหายอย่างไร เวลาเสียหายขึ้นมา คนอื่นเสียหมดเลย เราเป็นคนดี นี่เวลากิเลสมันปิดหูปิดตามันเป็นอย่างนั้นน่ะ

 

ไปวัดไปวา เห็นที่มันสงบสงัดได้เพราะว่าด้วยมารยาทของเขา คนเหมือนคน ไม่มีใครกลัวใครหรอก คนเหมือนคน ปัญญาของคนน่ะ ปัญญาของคนมันแก้ไขได้ทั้งนั้นน่ะ จะพลิกแพลงเอาชนะคะคานใคร เรามาสร้างการเบียดเบียนกัน เห็นไหม

 

กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เวลาคนแพ้เป็นพระรู้จักถึงว่าการกระทบกระเทือนอย่างนั้น แล้วมีสติสัมปัชชัญญะยับยั้งอารมณ์ของตนได้ รักษาหัวใจของตนได้ นี่แพ้เป็นพระ ไม่ใช่แพ้ด้วยความเซ่อ ไม่ใช่แพ้ด้วยความไม่รู้

 

ในธรรมะวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ มีพระองค์หนึ่งเป็นพระที่หยาบช้ามาก แล้วทีนี้วัดนั้น อยู่ในพระไตรปิฎกนะ วัดนั้นเขาเรียกทุคตะ พระเขาจะมีประเพณี นิมนต์พระไปฉันที่บ้าน บ้านละหนึ่งองค์ แล้วมีบ้านเศรษฐี เวลาเข้าไปจับฉลาก เขาไปได้พระองค์นี้มาไง เขาได้พระที่หยาบช้านี้มา

 

พอไปถึงที่บ้านเขานะ เขาจัดให้อย่างดีเลยนะ ปูพรม อุปัฏฐากอย่างสุดยอด พระองค์นั้นได้ใจ คิดว่าเศรษฐีนี้คงจะไม่รู้ถึงความชั่วหยาบของเรา ด้วยความภูมิใจนะ กลับวัดด้วยความภูมิใจมาก

 

ทุคตะ ในพระไตรก็ปิฎกมีประเพณีของพื้นบ้าน พอตกบ่ายไปหาเขาอีกนะ เพราะตอนเช้าไปแล้วเขาอุปัฏฐากอย่างดีเลย คิดว่าเขาเคารพศรัทธาตน พอไปถึงนะ เดินเข้าไปบ้านเขานะ เขาเอาเท้าคีบอาสนะแล้วเขี่ยออกไป “ถ้าท่านประสงค์จะนั่งก็เชิญนั่ง ถ้าท่านไม่ประสงค์จะนั่งก็กลับไปซะ”

 

นั่น อย่าเข้าใจว่าเขาไม่รู้ เขารู้ แต่ตอนเช้าที่เขานิมนต์มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมของท้องที่ใช่ไหม อย่างวัดวัดหนึ่งในชุมชนนั้นจับฉลากกัน ต้องนิมนต์พระไปฉันที่บ้าน บ้านละหนึ่งองค์ๆ เขาก็ไปได้พระองค์นั้นมา องค์ที่หยาบช้ามา พอได้องค์ที่หยาบช้ามา มันเป็นพระเพณีใช่ไหม สังฆะๆ สงฆ์ ส่วนรวม สาธารณะ นิมนต์มา เขาก็อุปัฏฐากอย่างดีเลย ไอ้พระองค์นั้นคิดว่าเขาไม่รู้ถึงความชั่วหยาบของเรา เพราะสังคมเขารังเกียจเราหมดเลย มีคนคนนี้เชื่อเรา ไปอีก ตอนบ่ายไป เขาเอาเท้าเขี่ยเลย เขี่ยอาสนะ “ถ้าท่านประสงค์จะนั่งก็เชิญนั่ง ถ้าท่านไม่ประสงค์จะนั่งก็กลับไปซะ” หน้าม้านกลับวัด

 

นี่เราบอกว่า ถ้ามันเป็นประเพณีวัฒนธรรม มันเป็นสาธารณสมบัติ เขาก็รู้ของเขา แต่เขาทำของเขาด้วยเคารพธรรมวินัย เคารพกติกาไง ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าพระชั่วหยาบอย่างนั้น เขาก็อุปัฏฐากอย่างดีเลย แต่พอมาโดยส่วนตัว ตอนบ่ายมาเอง มาส่วนตัว เอาเท้าเขี่ยอาสนะให้เลย นี่เพราะอะไร เพราะเขารู้ พระองค์เดียวกันนั้น เวลาตอนเป็นพิธีกรรม ตอนเรื่องสาธารณะ เรื่องสังฆะ เขาทำให้อย่างดีเลย แต่เรื่องส่วนตัวเขาไม่สนใจเลย ไร้สาระ เพราะอะไร เพราะเขามีคุณธรรมในใจของเขา นี่พูดถึงว่าคนที่มีคุณธรรม เธอควรทำบุญที่เธอพอใจ ถ้าพอใจทำที่ไหนให้ไปที่นั่น

 

แต่ถ้ามาวัดป่า วัดป่าที่มีหลักมีเกณฑ์นะ ไม่ใช่วัดป่า ไม่อยากจะพูด เขาเสียดสี ป่าเถื่อน ไม่มีวัฒนธรรม

 

มันจะป่าเถื่อนไปที่ไหน กิเลสของคนมันเลวร้าย มันร้ายกาจ มันทำลายหัวใจดวงนั้น แล้วคนที่มีสติมีปัญญา ครูบาอาจารย์ของเรานะ อดนอนผ่อนอาหารเพื่อเอาชนะมัน เอาชนะกิเลสของตนมันป่าเถื่อนไปไหน ความป่าเถื่อน ป่าเถื่อนคือทำร้ายกัน ป่าเถื่อนคือแสวงหาแต่ความดีของตน ทำลายคนอื่น เป็นความป่าเถื่อน

 

แต่การทำลายกิเลสของตน ยับยั้งชั่งใจ มันจะป่าเถื่อนไปไหน ถ้าไปวัดป่าอย่างนั้น เราก็สมควร มองไง ไปที่ไหนเคารพสถานที่ มองว่าเขาทำอย่างไรกันก่อน อย่าคิดว่ารู้มาก ชาล้นถ้วย เก่งมาก เพราะอะไร เพราะเขาสอนวิชานี้เอง สอนศีลธรรมทั้งนั้นน่ะ แล้วมาวัดมาวาเขานั่งกันเงียบ ปากโพนทะนา นี่มันไม่มีสติสำนึกถึงมารยาทของตน ไม่มีสติปัญญาสำนึกได้ว่าตัวทำดีหรือชั่ว แต่อยากภาวนานะ อยากได้มรรคได้ผลนะ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีการกระทำต้องทำอย่างนั้น

 

นี่พูดถึงเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาๆ แล้วพุทธะมันศึกษาได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ศึกษาไปแล้วไปกระตุ้นมันไง นี่ชาล้นถ้วย เรารู้ เราแน่ เราเก่ง เหยียบย่ำเขาไปทั่ว ไร้สาระ

 

แต่คนที่เป็นความจริงนะ เศรษฐีมหาเศรษฐีนะ ดูสิ นางวิสาขาต่างๆ จะไปวัด ไปถึงถอดเครื่องประดับออกหมดเลย กษัตริย์ในสมัยพุทธกาลนะ ก่อนจะเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าจะถอดเครื่องประดับออกหมด แล้วลงจากช้างจากม้าเดินเข้าไป

 

เราไปวัดไปวานะ อย่างน้อยสถานที่ปฏิบัติธรรม เราเห็นวัดที่มันเหลวแหลกไปแล้ว นั่นสาธุ เป็นเรื่องของโลก แต่วัดที่เขาตั้งใจทำของเขามี อย่าเหยียดหยาม อย่าดูถูก เอวัง